วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

2-1-0 ลั่นล้า....ที่ภูเก็ต ( 2 วัน 1 คืน 0 บาท)




หลังจากที่ฝ่าฝันแย่งชิงตั๋ว 0 บาท ของแอร์เอเซียได้อย่างลำบากยากเย็น เมื่อปีที่แล้ว ไม่อยากจะบอกว่าเลยว่าวันที่จองตั้งปลุกไว้ตี 1 ตื่นมาจอง มือไม้สั่น มาก ๆ รนรานไปหมด (ขนาดศึกษาข้อมูลจากคุณหมอยุ่งฯ จนแม่นแล้วนะ) พอจองได้ก็ดีใจสุด ๆ นอนไม่หลับเลย 555 .......จนมาถึงวันนี้ก็เร็วเหมือนกันแฮะ ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าของฟรี ยังมีอยู่ในโลกอีก 555 ขอบคุณหางแดงค่ะ

เมื่อจองตั๋วไปภูเก็ตได้ 6 ที่นั่ง ก็เริ่ม ๆ มองหาที่พัก และที่เที่ยวภูเก็ต จนมาได้ซื้อดีลของ ENSOGO (เพื่อน ๆ ในห้อง BP แนะนำ) จึงซื้อดีล รร. APK RESORT AND SPA ไว้ 3 ห้อง ราคา 899 บาท (จากปกติ 2200 บาท) รวมอาหารเช้า อยู่แถวป่าตอง ทำเลก็ใช้ได้ แถมราคาถูกด้วย 555 ช่วง hi แบบนี้ หาไม่ได้แน่ จึงจัดไปอย่าให้เสีย

และได้จองซิตี้ทัวร์ 5 ชม.1800 บาท และซื้อทัวร์ พีพี โดยเรือเฟอร์รี่ ราคาหน้าเวป 850 บาท (เกือบจองแล้ว) แต่ลองเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกดู และเข้าไปดูใหม่...... อุ๊แม่เจ้า เหลือแค่ 737 บาท เลยรีบโทร.ถาม เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเป็นสมาชิกจะราคานี้คร้าบบบ ถูกแบบนี้จะพลาดได้งัย สำหรับคนงก ๆ แบบเราซะด้วย ฮิ ๆๆๆๆ


ตอนแรกได้คุยผ่าน mail กับทัวร์อีกที่ ว่าจะซื้อซิตี้ทัวร์ 6 ชม. 2200 และทัวร์ไปเที่ยวเกาะพีพี-เกาะไข่ ด้วยเรือสปิดโบท์ ราคา 1300 บาท แต่ใกล้วันเดินทาง ตุ๊กติ๊กถามว่าในเรือมีห้องน้ำให้เปลี่ยนเสื้อผ้าไหม เราจึงเอะใจ และคิดได้ว่ามีสาวเหนือท่านหนึ่งเมา.... ได้ทุกกรณี ถ้าไปเรือสปีดโบท์ เธอไม่น่าจะรอด จึงเปลี่ยนใจเป็นเรือเฟอร์รี่แทน ลำใหญ่มาก และที่สำคัญเป็นห้องแอร์ ด้วย (กลัวใครบางคนจะตัวดำ แต่จริง ๆ มันก็ดำอยู่แล้วแต่คุณแม่ขอร้องไว้ ไม่บอกว่าเป็นใครเดาเอาเองนะ)


วันเดินทางเริ่มขึ้น ติ๊ก กับพี่ผ่องขับรถ (คนอื่น) มาจอดที่บ้านเรา (ถึงเร็วมาก ตี 4 โทร.มาว่าออกจากมหาชัยแล้ว โห.....เร็วจัง สงสัยตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ 555) ประมาณตี 4 ครึ่งมาถึงบ้านเรา ส่วนโป้ง ไปนอนบ้านหนุ่ย และมาเจอกันตอนตี 5 พอตี 5 ครึ่งก็ออกเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิกัน (ตอนแรกจะไปแท็กซี่ ก็ต้องนั่ง 2 คัน ไป-กลับ ก็ 2000 บาท เอารถเราไปดีกว่าจอดที่สนามบินเลย เสียค่าจอดแค่ 500 + ค่าน้ำมันฮ้อน 500 + ทางด่วน ขาไป ก็แค่ 1040 บาทเอง ประหยัดไปได้เยอะ แถมไม่ต้องเจอไอ้แท็กซี่งี่เง่าด้วยรำคาญใจ เคยเจอแล้วนิสัยไม่ดี เลยไม่อยากใช้บริการมัน แถมต้องออกค่าจอดรถให้มันด้วยนะ)


ถึงสนามบินประมาณ 6.30 น.ไปจอดรถที่ชั้น 5 และเดินมาที่อาคารผู้โดยสารขาออกได้เลย ก็สบายดี เราเช็คอิน มาแล้ว และไม่ได้โหลดกระเป๋า ก็เลยสบายไป เข้าไปถามว่า GATE ไหนได้ B2 ก็เดินไปที่ GATE ได้เลย ส่วนใครที่เดินทางไปต่างประเทศ แถวยาวมากผ่าน ตม. ก่อน ลำบากจัง แต่ก็อีกไม่นานหรอก เราคงได้ลำบากกันบ้าง หุ หุ แอบคิดอยู่ในใจนะ ส่วนใครจะไปยกมือขึ้น และเริ่มเก็บเงินหมึ่นได้เลย ครั้งหนึ่งในชีวิตหล่ะว๊ะ จะไปต่างประเทศให้ได้ 555

เพื่อนตุ๊กติ๊กบอกว่าให้ถ่ายทุกอิริยาบท เลยนะตั้งแต่ที่สนามบิน จนขึ้นเครื่อง อะ จัดไป บางครั้งก็ลืมถ่าย ได้มาแค่นี้แหละ เอานะ พอมาถึงสนามบิน ก็มาที่เคาน์เตอร์ ของสายการบิน นั้น ๆ ถ้ามีโหลดกระเป๋าก็ไปโหลด (แต่ให้ซื้อผ่านหน้าเวปนะ ถ้าซื้อผ่านเคาน์เตอร์ จะแพงโครต ๆ และอาหารให้แด็ก เฮ้ย ทานมาให้อิ่ม ที่สนามบิน ของแพงมากนะจ๊ะ)





เมื่อทราบว่าได้ GATE ก็เดินไปได้เลย ต้องสแกนกระเป๋าก่อน ของติดตัวห้ามเกิน 7 กิโล และห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่อง ไม่เกิน 100 มล. (ทะเลาะกันเรื่องกรัม กับ มิลลิกรัม 555) ได้ไม่เกิน 10 ขวด รวมเป็น 1000 มล.)






ไปเถอะไปตามลูกศรเรื่อย ๆ ไม่หลงหรอก ไปถึง GATE ก่อนเวลาก็นั่งพักผ่อน และเล่น internet ได้ด้วย
ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่อง เรือบินของเราจอดเที่ยบท่ารอแล้ว



ระหว่างนั่งรอก็สักหน่อย



พอได้เวลา เจ้าหน้าที่จะประกาศให้ขึ้นเครื่องได้ วันไปโชคดี ไม่มี delay ตรงเวลาเป๊ะ ก็เข้าแถว เตรียมบัตรประชาชน พร้อมกับตั๋ว ก็บินได้แล้ว



ขึ้นเครื่องก็นั่งตามที่ระบุไว้ ใน Boarding Pass มีเรื่องจะเล่า ด้วยความที่งกของพวกเรา ไม่ได้ซื้อที่นั่งเอาไว้ ให้เครื่องมันสุ่มเอา ประหยัดไปคนละ 53.50 บาท แต่ก็โชคดีได้ที่นั่งใกล้ ๆกัน คือ 15C D E F และ แถว 16 B C (นุช... ฮ้อน หนุ่ย โป้ง อีกแถว ก็พี่ผ่อง ติ๊ก) มีรูปประกอบด้วย




พอเอาเข้าจริง ไอ้ฮ้อนขึ้นก่อน รีบไปแย่งที่นั่งของโป้ง ส่วนเรานั่งกับคนอื่น และพี่ผ่องก็นั่งติดกับคนอื่น นั่งไปได้สักพัก ที่นั่งว่าง คนข้างพี่ผ่อง (ติดหน้าต่าง) มีเพื่อนเรียกไปนั่งแถวหลัง เลยสลับที่ใหม่ ติ๊กอยากมาก อยากนั่งหน้าต่างจึงรีบไปนั่งที่หน้าต่าง และเราก็ลงมานั่งแถว 16 แทน เลยโชคดีไป ไม่เสียเงินแต่นั่งติดกัน โชคดีสุด ๆ 5555



ของฟรี นอกจากตั๋วฟรี แล้วยังมีข้าวกระเพราไก่+กาแพ/ชา ฟรีด้วยนะ ก็ได้อนิสงค์ จาก BP อีกนะแหละ จัดไป 6 กล่อง งานนี้หางแดงขาดทุนให้พวกเรายับแหละ 555 ตอนแอร์มาเสริฟ ถามว่าผู้โดยสารจะรับกาแฟ หรือชา ดีคะ เราเอากาแฟ ส่วนพี่ผ่องกับตุ๊ก เลือกชา (รักษาสุขภาพ) แอร์ถามอีกว่าชารับน้ำตาลไหมคะ รับค่ะ แอร์ก็ยื่นให้



ตอนทานต่างคนต่างทาน เราไม่ได้หันไปมอง พอทานเสร็จ ไม่รู้ว่าใคร 2 คนไม่ได้ใส่น้ำตาล แต่ขอกลับบ้าน ติ๊กเอาซองน้ำตาลเก็บใส่กระเป๋า เราเห็นแว๊บ ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเอาน้ำตาลกลับบ้าน นั่งไปสักพักได้ยินเสียงอะไรข้าง ๆ โวยวายใหญ่ ซองมันแตกง่ายจัง อุ๊บ๊ะ ความแตก (อุ๊ยไม่ใช่ ...ซองน้ำตาลแตก 555 ) ซองน้ำตาลที่แอบเอากลับแตกเต็มกระเป๋าเลย ติ๊กเอาของออก ฝากพี่ผ่อง และเทน้ำตาลใส่ซองกระดาษ (ไว้สำหรับใส่แก้วน้ำทิ้ง) แทนที่จะทิ้ง พี่ผ่องดันเอาซองนั้นกลับบ้านอีกแหนะ สุดยอดเลย 2 คนนี้ 555




รสชาติใช้ได้เลย (หิวด้วย) แถมข้าวหอมของเค้าก็สุดแสนจะอร่อย มาทานมื้อเช้าบนเครื่องกัน อร่อยดี แต่น้อยไปหน่อย ยังไม่อิ่มเลย


โห....โป้ง  ดูไม่ออกเลยนะว่าก่อนหน้านี้มันคืออะไร




(ตอนที่รถมาขายอาหาร หนุ่ยบอกว่า ไอ้ฮ้อนจะควักเงิน 50 บาท ซื้อแป็ปซี่กิน สาดดดดดด ค่าเที่ยวไม่ออก แต่จะออกเงินซื้อของแพง ๆ กินไฟลท์หน้ามึงเฝ้าบ้านเถอะครั้งนี้ออกให้เพื่อให้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก และนอนที่โรงแรมเป็นเพื่อนโป้งนะ ไม่งั้นไม่พามาหรอก 555)



ที่นั่งตรงปีกพอดี ถ่ายรูปไม่ค่อยสวยเนื่องจากติดปีก พอทานอาหารเสร็จ ติ๊กรีบดูวิว แต่ปรากฏว่า ฝั่งของเธอ โดนแดนเต็ม ๆ 5555 เลยได้แต่ปิดกระจก 555 ได้นั่งริมหน้าหน้าทั้งที แต่ไม่สามารถดูวิวได้ จึงได้เห็นของฝั่งไอ้หนุ่ยแทน











พอถึงสนามบินภูเก็ต จะเห็นทะลสวยงามมาก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าฝั่งไหนถ่าย สวยดีเหมือนกัน










เครื่องถึงสนามบินภูเก็ต ก็หยิบกระเป๋า เตรียมลง ติ๊กดันเราให้เดินไปข้างหน้า เร็ว ๆ เราก็ไม่รู้หรอกแต่เราก็ขยับมาข้างหน้า พอพ้นที่นั่งตัวเอง โห.... ติ๊กบอก น้ำตาลเต็มที่นั่งฉันเลยหว่ะ 555





ถึงสนามบิน 9 โมงก็เดินหยิบแผนที่ฟรี มีให้หยิบเยอะแยะเลย และเดินออกจากสนามบิน ก็จะมีเจ้าหน้าที่ถือป้าย (กระดาษ A4) มารับไปซิตี้ทัวร์ ทริปนี้คุณหนูสุด ๆ เลย มีเวลา 5 ชั่วโมงตามมาเที่ยวกัน



สถานที่แรกพาเราไปซื้อของฝากกันที่ร้านศรีศุภลักษณ์ ซัดน้ำพริกกุ้งเสียบกันจนท้องร้อน เลย ได้มาคนละ 2 แพ็ค เข้าไปก็จะมีน้ำมะม่วงหิมพานต์ให้ดื่ม และเดินซื้อของฝากกัน











(ตากล้องเรา ไม่ถ่ายตูด......ก็ถ่ายนม มันยังไงหว่า หนุ่ยเคลียร์ด่วน)











ออกจากร้านแรก ก็พาเราไปร้านไข่มุกภูเก็ต ตอนแรกคิดว่าเป็นสถานที่เลี้ยงไข่มุก แต่ไม่ใช่เป็นร้านขาย เข้าไปก็ได้กินน้ำฟรี (สัปปะรด/องุ่น) และเจ้าหน้าที่ก็อธิบายให้ฟัง ว่ามุกเกิดยังงัย และวิธีดูมุกแท้ - เทียม ถ้ามุกแท้ เวลาเอามาถูกันจะสาก ๆ ฝืด ๆ แต่ของปลอมจะลื่นปีด ๆ




ถูกันใหญ่







จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็พาเดินบรรยายไปที่ห้องต่าง ๆ ที่จัดโชว์ และที่จำหน่าย (ในใจคงคิดว่ามันไม่ซื้อหรอก... อือ... ในใจเราก็คิดเหมือนกันว่าตรูก็ไม่ซื้อเหมือนกันแหละ 555 ไม่ใช่ว่าอยากเข้ามาหรอก แต่เจ้าไกด์มันพามา 555)



ออกจากร้านไข่มุก ก็มาทานอาหารพื้นเมืองกัน (ขึ้นชื่อพลาดได้งัย) ที่ร้านหมี่สะบำ คุณยายเจียร







ดูเมนูอาหารแล้ว จัดไปซะ 8 อย่าง มีอะไรบ้างมาดูกัน



1. หอยทอด (ไม่ได้สั่งแต่เสริฟมาเกิน...แต่คิดเงินนะ)









2. โอต้าว (หนึบดี โป้งชอบ .. โปรดจัดด้วย)







3. อูแซ (ผักเยอะ หนุ่ยชอบ จัดการด่วน)







4. หมี่สะบำ (นางเอกของเมนู 555 พี่ผ่องแอบชอบไม่บอกใครเลยนะเนี่ย รู้งี้เบิ้ล 2 ดีกว่า)











5. ลูกชิ้นปลาลวก (อันนี้โอเค นุ่มดี จิ้มเข้าไปหยุ่น ๆ ดี ใช้ได้ที่สุด)









6. น้ำพริกกุ้งเสียบ (ตำสด) มาภูเก็ตทั้งที ขาดเจ้านี้ได้งัย โห...แต่กะปิแรงมากไม่โดนเลยง่ะ










7. ปอเปี๊ยะทอด (ปกติ เหมือนทุก ๆ ที่)










8. ทอดมันปลา (สดมาก ๆ.... เนื่องจากปลาเพิ่งขึ้นมาจากทะเล เลยเค็มโครต ๆ 555)







กินไป บ่นไป (นึกถึงท่านสมัครเลย) นี่ขนาดบ่นนะเนี่ย ยังเป็นแบบนี้ ถ้าไม่บ่นคงจะเลียจานเลยหล่ะสิ







ออกจากร้านหมี่สะบำ ก็ขึ้นรถตู้ (ลืมชวนคนขับกินเลย.... ไม่ทันแระ) เมื่อได้รู้รสชาติอาหารพื้นเมืองไปแล้ว จึงสัมภาษณ์คนขับว่า ชอบอะไรของอาหารพื้นเมือง คนขับตอบ " ผมชอบน้ำชุบ " โห....เดือดเลยกรู โวยเลย " อะไร เมื้อกี้สั่งตั้ง 8 อย่าง ไม่มีเมนูน้ำซุปเลย " (หลาย ๆ คนก็คิดเหมือนเรา แต่คิดในใจ แต่ปากเราไวกว่าความคิด) คนขับหัวเราะ เลยบอกว่า " น้ำชุบ " ภาษาใต้ แปลว่า "น้ำพริก" แป๋ววววว ภาษาใต้วันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า " น้ำชุบ " 5555



จากนั้น คนขับบอกว่าจะพาไปซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบร้านพรทิพย์ อ้าว... ซื้อมาแล้ว ตั้งแต่ร้านแรก คนขับบอกร้านนี้อร่อย ขึ้นชื่อ เราก็เลยเอาว๊ะ ลองเข้าไปดู (หนุ่ยบอกเมื่อกี้ซื้อน้อยไปไม่พอแจกเพื่อนเลย เลยเข้าไปกัน)เผื่อจะอร่อยกว่าเจ้าแรกด้วย พอเข้าไปสินค้าก็ขายของเหมือนกัน พวกเราชิมน้ำพริกกันจนร้อนท้องเลย

แต่ราคาแพงมาก ๆ แถมร้านแรกอร่อยกว่าอีก เดินดูไปเรื่อย ๆ ติ๊กได้เสื้อมาตัว และตอนหลังเจ้าหน้าที่ทางร้าน มาสะกิดบอกว่า ถ้าเป็นคนไทยให้อ่าน ราคาที่ที่เป็นตัวเลขไทย ส่วนเลขอารบิก เป็นราคาของชาวต่างชาติ ราคาต่างกันกันมาก ๆ เลย ถ้าคนไทยไปต่างประเทศต้องเจอแบบนี้บ้างแน่ ๆ เลย หึ ๆๆๆ
















ออกจากทางร้านพรทิพย์ คนขับบอกแวะร้านของฝากจุกจิ๊ก ๆ เอาอีกแล้วเหรอคะ นี่ยังไม่ได้เที่ยวเลยนะ เริ่มบ่นไม่พอใจกันแล้ว






มาถีงร้าน Hutthai Souvenir Market ในร้านก็มีของฝาก ชิ้นเล็ก ๆ แต่ราคาไม่เล็ก และไม่น่าซื้อเลย ชอบของกินมากกว่า แต่หนุ่ยก็ซื้อหอยใส่ถุงให้นู๋เพลืนมา 1 ถุง 35 บาท 555 ซื้อทุกร้าน





ออกจากร้านค้า คราวนี้ได้เที่ยวซะที ไปไหว้พระกันที่วัดฉลอง เป็นวัดที่ชาวภูเก็ตศรัทธามาก ๆ เชื่อว่าถ้าใครมาไหว้พระที่วัดนี้จะเกิดสิริมงคลแก่ตัว







เซียมซีได้เลข อะไรง่ะ เห็นเขย่าหัวสั่นหัวคลอน คนละสองครั้ง แต่ในที่สุดก็ฝากเอาไว้ 555 สู้เราไม่ได้ที่เดียวได้เลย ได้เลขอะไรไม่บอก ก่อนขอก็ขอหวยอย่างเดียวเลย ถ้าถูกจะพาครอบครัวมาที่นี่อีก



อยู่ที่วัดประมาณ บ่ายโมงนิด ๆ คนขับบอกว่าให้เร็ว ๆ เนื่องจากที่อื่น ๆ จะไปไม่ทันแล้ว โห....สาดดดด เล่นให้กรู ซื้อของอย่างเดียวเลย (รู้นะว่าทำไม) เอี้ยเอ๋ย เลยโวยกันดัง ก็เล่นให้ซื้อของอยู่นั่นแหละ แหลมพรหมเทพยังไม่ได้ไปเลย คนขับเลยบอกว่าเดี๋ยวต่อให้อีก 1 ชั่วโมงก็ได้ แต่ละที่ต้องมีเวลาจำกัด



ออกจากวัดฉลอง ใกล้ ๆ กันก็ไหว้พระองค์ใหญ่บนเขา ให้เวลา 20 นาที พระองค์ใหญ่กำลังก่อสร้างอยู่ และต้องเดินบันไดขึ้นไป 78 ขั้น (ใครจะเอาไปแทงหวยก็ได้นะไม่ว่ากัน 555)











ที่ต่อไปก็แหลมพรหมเทพ ถ้าใครมาภูเก็ตแล้วไม่ได้มาที่นี่ ถือว่ายังมาไม่ถึง แต่ถ้าให้สวยต้องมาตอนเย็น เพื่อจะดูพระอาทิตย์ตก ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง แต่เราไม่ได้อยู่ดู ขอถ่ายตอนกลางวันก็พอแล้ว









แฟนกันป่ะเนี่ย







แหลมพรหมเทพ (ตอนร้อน ๆ ที่ไร้ผู้คน)





ออกจากแหลมพรหมเทพ ก็และจุดชมวิว 3 อ่าว (จริง ๆ แล้วมันใกล้กันมาก ที่เงี้ย ให้เวลาแค่ที่ละ 20นาที แต่ตอนซื้อของแม่งไม่เห็นจำกัดเวลาเลยเวร







ที่ต่อไปเป็นจุดชมวิว 3 อ่าว เป็น อ่าวกะตะน้อย อ่าวกะตะ และอ่าวกะรน









ยิ้มสู้แดด









กลัวไม่รู้ว่า 3 อ่าว









ถึงโรงแรม ก็บ่าย 3 นิด ๆ เลยให้ทิป คนขับไป 200 บาท (บริการไม่ดีนี่ ถ้าดีจะให้ 500 บาทยังได้เลย) เช็คอินเรียบร้อย เข้าที่พัก เหนื่อยมาก ๆ ไม่ได้ถ่ายรูปโรงแรมเลย



เอาซะหน่อย เดี่ยวจะไม่เห็นโรงแรม









ห้องพัก 3 ห้องห่างกันมาก ๆ เลย ได้ ชั้น 4 (445) ชั้น 3 (3317) และชั้น 2 (2211) ทุเรศจัง ราคาโปรโมชั่นเนี่ยให้นอนห้องเหลือ ๆ แน่เลย 555



เข้าห้องได้ ก็นอนหลับเอาแรงกันทุกคน ทั้งเหนื่อยและร้อน พอ 6 โมงก็ออกไปทานข้าวและเดินเล่นถนนคนเดินที่หาดป่าตองต่อ






หิวก็หิว เดินหาร้านอาหารทานตั้งนาน ท้ายสุดก็มาทานร้านป้าอะไรไม่รู้ (คนกรุงเทพฯอีก จะได้กินอาหารคนใต้ไหมเนี่ย) และให้ผู้ชายไปซื้อส้มตำ กับไก่ย่างมาทานด้วย



หนุ่ยกับโป้ง น่ากลัวมาก ๆๆๆๆ



ขนาดอาหารไม่ค่อยถูกปากนะเนี่ย



(โปรดสังเกตุ มือหนุ่ย พี่ผ่อง โป้ง ยกขึ้นพร้อม ๆ กัน ไม่ได้แคะฟันนะ แต่กำลังแทะปีกไก่ 555)






หลังจากทานเสร็จ ก็เดินจังซีลอน เป็นห้างนะแหละ อยู่ในนั้น ขายของเยอะแยะ







 และได้เข้าไปซื้อยาสีฟัน แป้งที่ คาร์ฟูร์ เออ...มีอะไรให้ดู ที่กรุงเทพฯ น้ำมันปาล์มขาดแคลนมาก ๆ แย่งกันซื้อ แต่ที่ภูเก็ตดูเด่ะ ไม่มีใครซื้อเลย 555





ถนนคนเดินที่ป่าตอง ฝรั่งเยอะมาก ๆ เต็มถนนไปหมด และที่คึกครี้นที่สุดก็ตรงที่มีสาวประเภทสอง แต่งตัวเลิศ ๆ ให้ฝรั่งถ่ายรูป ครั้งละ 100 บาท (แพงหว่ะ แค่ยืนถ่ายรูปจ่ายตั้ง 100 รายได้ดีโว้ย)




เดินจนเมื่อยขาสุด ๆ ถึงชายหาด มองอะไรไม่เห็นเลย สงสัยต้องมาแก้ตัวอีก 555  คนเยอะแยะ กลับที่พักดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทัวร์พีพี

ถึงที่พักก็ขึ้นไปชั้น 8 ดูสระว่ายน้ำทางโรงแรม ว้า...เล็กนิดเดียว ไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่ เลยไม่ได้ลงไปว่าย 555  ถ้าสะอาดและใหญ่ ๆ จะเปลี่ยนชุดกระโดดลงกันแล้วนะเนี่ย 

กลับถึงห้อง โป้งก็มาอยู่ห้องเรา  เมื่อยมากกกกกก หนุ่ยนวดให้เราเสร็จ ก็ผลัดกันกับโป้ง สลับกัน ไป-มา ไม่มีหยุด สงสัยคืนนี้มันไม่ได้นอนแน่ ๆ ผลัดกันอยู่นั่นแหละ โป้งบอกว่าเมื่อกี้อ่านที่ลิฟท์ ว่าถ้านอนนี่ จะได้ลดค่านวด 100 บาท เราเลยจัดไปสิ ให้โป้งไปถามข้อมูล แต่พอกลับมา บอกว่าไม่ได้ลดราคา และค่านวด 250 บาท ให้เรียกผู้หญิงมานวดเยอะ ๆ นะจะรอ เฮ้ออออ  แพงอ่ะ เลยตัดใจนอนดีกว่า บ๊าย  ราตรีสวัสดิ์


21 กุมภาพันธ์ 2554   ตื่นแต่เช้า เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เช็คเอ้าท์เลย ลงไปทานอาหารเช้า 6.30 น. (รถนัดมารับ 7 โมง)  อาหารยังออกไม่หมดเลย แต่ต้องรีบทาน เพราะเดี๋ยวไม่ทัน  พอทานเสร็จ 7 โมงแล้ว รถยังไม่มา โถรีบแทบตาย  7.20 น. รถยังไม่มา จึงโทร.ไปตามที่บิล ไอ้หย่า ติดต่อไม่ได้ ส่วนเบอร์ออฟฟิศก็ไม่มีใครรับ จะซวยไหมเนี่ยตู พอนั่งสักพัก เจ้าหน้าที่ก็มา เฮ้อออ  โล่งอกไปที นึกว่าไม่มาเสียแล้วเล่นเอาแป้วเลย


รถไปส่งที่ท่าเรือรัษฏา 8.30 น. นักท่องเที่ยวพลุกพล่านมาก ๆ คนไปทัวร์เยอะแยะเลย  ตามโปรแกรมทัวร์ รถรับที่ไหน ก็จะส่งกลับที่นั่น แต่เราไม่ เนื่องจากต้องกลับสนามบิน  เลยติดต่อเจ้าหน้าที่แจ้งให้ไปส่งสนามบินตอนขากลับ เจ้าหน้าที่คิดหัวละ 150 บาท โห ....แพงอ่ะ  เราเลยบอกว่าถ้าส่งที่ บขส.หล่ะ (แอบเก็บข้อมูลรถแอร์พอร์ทบัสเอาไว้ก่อนไปฉลาดนะเนี่ยเรา ไม่เสียแรงที่ทำการบ้านมาเกือบปี) ถ้าส่งบขส.ฟรี เราเลยขอลงบขส. (และกลับแอร์พอร์ทบัส คนละ 85 บาทเอง ดีกว่านั่งรถตู้เก่า ๆ กลับด้วย 555)





เรือเฟอร์รี่ลำใหญ่มาก ๆ เป็นครั้งแรกของเรา ที่ได้นั่งเรือลำใหญ่ ๆ แบบนี้


ทัวร์ของเราคือ พีพีครุยเซอร์  ราคาคนละ 850 บาท ตามหน้าเวป  แต่เราลองสมัครสมาชิกเล่น ๆ และเข้าไปใหม่ อุ๊แม่เจ้า  เหลือคนละ 737 บาท รีบโทร.ไปถามเลย จนท.บอกว่าถ้าเป็นสมาชิกจะลดราคา  ฟลุ๊คจริง ๆ เลยเรา สงสัยคนที่นี่คงทำแบบนี้แหละ รับจองทัวร์ให้ ได้ไปฟรี ๆ คนละร้อยกว่าบาทเชียวนะ

http://www.phuketcosmo.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=240207&Ntype=12




บนเรือมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งน้านนน  มาช้า ชั้นบนที่นั่งไม่เหลือแล้ว  (ถึงเหลือก็ไม่นั่งหรอก เดี๋ยวผิวดำ ๆ ของฉันจะเสีย ปล่อยให้ฝาหรั่งผิวหยาบ ๆ เค้าอาบแดดไปเถอะ 555)


ที่นั่งชั้น 1 -2 ติดแอร์เย็นสบาย มีทีวีให้ดูด้วย



เอาซะหน่อย .... (จะถ่ายฝรังโว้ยใม่ใช่เอ็ง 2 คน)

ถึงพีพีดอน นั่งท่องเที่ยวลงไปเกือบหมด (นอนพีพี)  เลยได้นั่งถ่ายรูปตรงนี้


บนเรือมีน้ำดื่มบริการฟรีตลอด


วิวสวย ๆ 


วันที่ไปโชคดีมาก ๆ เหมือนฝนจะตก เลยไม่มีแดดเลย  (แต่ถ่ายรูปไม่สวย ท้องฟ้าสีขาว ไม่เป็นสีฟ้า แบบนี้เค้าเรียกว่า ได้อย่าง เสียอย่างนะเนี่ย)


อ่าวมาหยา  โด่งดังจากหนังเรื่องเดอะบีซ   เรือใหญ่เข้าไปไม่ได้ จึงจอดให้ชมอย่างห่าง ๆ


ย้ายจากชั้น 1 มาอยู่ชั้น 2 ดีกว่า (เนื่องจากชั้น 1 มองไม่เห็นอะไรเลยอ่ะ)




นั่งไปได้สักพัก หิวมาม่ากัน จึงถามพนักงานว่า จะทานทันไหม เนื่องจากจะถึงที่ไปดำน้ำกันแล้ว  พนักงานอยากขายอาหาร บอกว่าทัน  จึงไปซื้อมาม่าคัฟมาคนละ ถ้วย  สาดดดด  ยังไม่ได้ตักใส่ปากเลย แค่เดินถือกันมา  เจ้าหน้าที่ประกาศว่า ไปลงเรือลำเล็ก เราจะไปดำน้ำกันแล้ว  แต่ดีนะที่ถือไปทานที่เรือลำเล็กได้ เกือบแล้วเรา

ถึงจุดดำน้ำ มีอุปกรณ์ให้ยืมดำน้ำ  (ดำกัน 4 คน ยกเว้นเรา กับไอ้โฮ้งซึ่งว่ายน้ำไม่เป็น) เนื่องจากเราไปยึดผมมา ไม่สามารถเล่นน้ำทะเลได้ (ช่างบอก)  เรากลัวผมจะเสียเลยไม่ได้ดำ(โชคดีที่ไม่ได้ดำ ผมคงจะเสียแน่ ๆ เนื่องจากต้องกลับวันนั้นเลย ผมอมน้ำเกลือเต็ม ๆ กลับบ้านคงเป็นเส้นหมี่แน่ ๆ เลย)






มันไปดำน้ำ หรือไปปีนเขาว๊ะ  ใส่ซะมิดชิดขนาดนั้น

 

ใส่ทูพีช กันหมดเลย  ยกเว้นโป้งใส่วันพีช คนเดียว 555



ตุ๊กติ๊กเนี่ยขนาดว่ายน้ำไม่เป็นนะ  เธอก็ดำทุกที่ ที่ได้ไป  เมื่อไหร่จะว่ายน้ำเป็นจ๊ะ




ใครว๊ะ  หน้าตาเหมือนกบเลย





คนนี้ยิ่งน่าเกลียด  ดูไม่ออกเลยว่าเป็นโป้ง 555


เล่นจนหมดแรง  ถูกผู้ชายฉุดเข้าฝั่งอ่ะ 


ใกล้จะขึ้น ขอหมู่บ้าง




ปลาสวย ๆ  (นักท่องเที่ยวโยนขนมปัง)


น้องหนุ่ย คราวหน้า ขอแบบนี้นะ  ไม่ต้องเอาเสื้อมาปิด เล็ก ๆ ดำ ๆ ก็ได้ เราไม่ถือหรอก




ขึ้นจากดำน้ำ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า และไปทานเที่ยงกัน ที่ PHI PHI HOTEL



ไปถึงฝรั่งนั่งอยู่แล้ว 4 คน (ทัวร์จัดให้โต๊ะละ 10 คน) อาหารก็รสชาติกลาง ๆ ให้ชาวต่างชาติทาน จึงไม่ค่อยจะจัดจ้านสำหรับคนไทยเรา ๆ เท่าไหร่  แต่ดีตรงเติมตลอด



ทานเสร็จก็มีเวลาให้เดินเล็กน้อย






ก่อนกลับ ซะหน่อย วิว สวย ๆ




กลับถึงเรีอแระ   เมาเรือ แต่ไม่เมารักนะจ๊ะหนุ่ย (ทริปหน้าเขาสก ระวังไว้ให้ดี 555)



ขากลับ ก็จะเสริฟ สัปปะรด และ แตงโม ดีจัง  ไม่เสียดายเงิน  ค่าทัวร์เลย







เจ๊น้อย  ขอถ่ายคู่กับเรือสีเขียว ข้าง ๆ


(สังเกตุกระจกเด่ะ ไม่ได้ติดฟิมล์กรองแสงด้วย  555   ไม่รู้นะสิ  ไม่บอกหรอก ตอนที่เลือกที่นั่ง 555)


ถึงท่าเรือแล้ว ประมาณ 16.30 น.  (คนเยอะมากกกก เรือแต่ละลำถึงเวลาไล่เลี่ยกันเลย)


 ถึงท่าเรือ นั่งรถตู้เก่า ๆ ไปส่งเราที่ บขส. ใกล้ ๆ ไม่เหมือนตอนมา  ถีง บขส. ก็เดินไปดูเวลารถแอร์พอร์ตบัส เที่ยวสุดท้าย 18.30 น. ยังมีเวลา และฝนตกลงมาด้วย มิน่าหล่ะ วันนี้ถึงไม่มีแดด  โชคดีมาก ๆ  และคุ้มสุด ๆ ใครมาภาคใต้ ถ้าไม่โดนฝนถือว่ามาไม่ถึงนะ 555

หาอะไรกินดีกว่า เดินไปแถว ๆ ท่ารถก็เจอร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ  (มาภูเก็ตยังไม่ได้กินอาหารใต้เลยวุ้ย คนกรุงเทพฯ ยังตามมาขายเราถึงที่นี่อีกแหนะ)



ทานเสร็จ ก็เดินไปซื้อของฝากเพิ่มอีก ข้ามถนนไปตึกตรงข้าม ได้ขนมพริกกลับบ้าน สุดยอดดดดด  ในรสชาติมาก ๆ  ขอบอก ซื้อกันเกือบหมดถาด(มิน่าหล่ะ ถามว่ามีให้ชิมมั๊ย คนขายบอกไม่มีก็ลองมีสิ คงเหลือเต็มถาด 555)  แต่เต้าส้อ  อร่อยดีนะ

ได้เวลาก็ไปขึ้นรถแอร์พอร์ทบัส รถคันเล็กจัง เกือบไม่มีที่นั่งแล้ว เราผู้หญิงไปนั่งเบาะท้าย ผู้ชายนั่งหน้ารถ เบาะข้างหน้าเราเป็นชาวญี่ปุ่นนิสัยไม่ดีนั่งอยู่  แม่งเล่นนั่งคนละ 2 เบาะ (วางกระเป๋า และคุยเสียงดัง) พอผ่านตัวเมืองผู้โดยสารขึ้นเยอะ มันไม่เอากระเป๋าออก เพื่อนเราตุ๊กติ๊ก ฟังมันพูด บอกว่าเดี๋ยวจะแกล้งหลับ ไอ้สาดดดดด มันทำจริง ๆ ด้วยแหละ ไอ้ซับฝายยเอ่ย

ถึงสนามบิน 19.30 น. ก็ไปโหลดกระเป๋า ที่ซื้อเอาไว้เผื่อของฝาก แต่ไปโหลดจริง น้ำหนักไม่ถึง 15 กิโล ขาดอีกเยอะเลยโหลดกระเป๋าโป้ง และฮ้อน พ่วงไปด้วย โธ่เอ๋ย 3 ใบ แค่ 15 กิโลเอง

หิวอีกแล้ว จะออกไปทานข้างนอกก็ไม่ได้ ไกลฉิบ และฝนตกด้วย จึงเดินหาร้านทาน ปิดไปหลายร้าน ที่เหลือก็แพงมาก ๆ เช่นร้าน Burger King เข้าไปนั่งแล้ว โห Burger ชิ้นละเกือบ 300 บาท พระเจ้า ออกมาดีกว่า และมาทานที่ร้านนี้ แซนวิส ชิ้นละ 125 บาท ติ๊กบ่นใหญ่ แพงหว่ะ  แถวบ้านชิ้นละ 10 กว่าบาทเอง อาร้อย อาร่อยกว่าอีก 555  






พอได้เวลา ก็เข้าไปนั่งรอที่ Gate ดีกว่า


ร้านขายของฝากในนี้แพงมาก ๆ นะจ๊ะ ให้ซื้อจากร้านข้างนอกมาเลยค่ะ จะถูกว่า


เคลียร์เงินดีกว่า  เอ๊..... มาจากไหน 200 บาหว่า



ไฟล์ทเรา 23:05 น.  (ก่อนหน้าเรา 22:10 น. Delayed 30 นาทีด้วยวุ้ย)



ก็เห็นว่าเวลายังเหลือเยอะ ไปห้องน้ำ และเห็นมีเก้าอี้นวด หยอดเหรียญ 50 บาท นวด 15 นาที โหย สบายสุด ๆ  นวดได้สักพัก หนุ่ยออกจากห้องน้ำ ก็มานวดด้วย ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เรียกไปขึ้นเครื่อง แต่ไม่แน่ใจ สุดท้ายเรียกเป็นครั้งสุดท้าย (ยังไม่ถึงเวลาเลย)  และตุ๊กติ๊กกับพี่ผ่องก็ยืนโบกมือเรียก หนุ่ยยังนวดไม่เสร็จเลย จึงรีบวิ่งขึ้นเครื่องเฮ้อ คนจะตกเครื่องบินเป็นอย่างนี้นี่เอง 555

ขากลับ เจ้าหน้าที่แจ้งบนเครื่องว่าวันนี้เมฆหนา และฝนตก ขอให้รัดเข็มขัดตลอดการเดินทาง  และเราว่าขากลับ น่ากลัวนะ (ไม่เหมือนขามานิ่มมาก ๆ )   สงสัยทัศนวิสัยไม่ค่อยดี เนื่องจากฝนตก และเมฆคงจะบัง จึงไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ สั่น ๆ  และขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอด 555  แต่สุดท้ายก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิจนได้อย่างปลอดภัย

ถึงสนามบิน ก็รอรับกระเป๋าที่โหลดไว้ และกลับบ้าน พี่ผ่องกับติ๊กก็ขับรถ(ของคนอื่น) กลับ (คงจะลุ้นนะสิว่ารถอยู่เปล่าว๊ะ 555)   บ๊าย เจอกันทริปหน้าเขาสก  จุ๊ ๆๆๆๆ  อยากให้ถึงไว ๆ จังอยากกระโดดน้ำแว้วว  บ๊ายบายจ้า  เจอกันทริปหน้า 25-26 มิถุนายน 2554  เด้อ

ค่าใช้จ่าย

ค่าตั๋วเครื่องบิน = 1884 บาท ค่าโรงแรม = 2697 บาท ค่าซิตี้ทัวร์ = 1800 บาท ค่าทิปคนขับ = 200 บาท
ค่าทัวร์พีพี = 4422 บาท ค่าโหลดกระเป่า = 214 บาท ค่าจอดรถสนามบิน 500 บาท ค่าหมี่สะปำ = 430 บาท ค่าอาหารเย็น = 480 บาท ค่ามาม่าบนเรือ = 180 บาท ค่าเข้าเกาะพีพี = 120 บาท ค่าก๋วยเตี๋ยวเรือ = 240 บาท ค่าแอร์พอร์ทบัส = 510 ค่าแซนวิสที่สนามบิน = 915 บาท  ค่าทางด่วน = 80 บาท ค่าน้ำมันรถฮ้อน = 460 บาท  รวมทั้งสิ้น = 15132 บาท  (ออกคนละ 2522 บาท)